อาการมะเร็งกระเพาะอาหาร
โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นเนื้อร้ายที่มีโอกาสสูงได้พบในปัจจุบัน อัตรารักษาให้หายไม่สูงเมื่อวินิจฉัยเป็นโรคมะเร็ง เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเกิดจากอาการโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะเริ่มแรกแสดงออกอย่างไม่เด่นชัด ทำให้การค้นพบ และการรักษาไม่ทันเวลา โรคมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะเริ่มแรกมีอาการค่อนข้างเด่นชัดอะไรบ้าง
อาการโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะเริ่มแรก
๑ ปวดท้องด้านบน และแน่นท้อง เป็นอาการที่เกิดขึ้นในทุกระยะของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เกือบ 70% ของผู้ป่วยในระยะแรกมีอาการนี้เกิดขึ้น ถือเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด และมักจะเกิดขึ้นในสภาพเงียบ หายเมื่อมีสภาพเคลื่อน และใจลอย มีผลไม่ดีหลังปรับโครงสร้างอาหารการกิน
๒ กรดไหลย้อน รู้สึกกระเพาะอาหารร้อนผ่าว ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยในระยะเริ่มแรกรู้สึกการเพาะอาหารไม่สบาย ปวดไม่เป็นประจำ เมื่อกินยาก็ได้หายเป็นช่วงๆ ส่วนผู้ป่วยบางคนหลังรับประทานอาหาร อาจเกิดอาการแน่นท้อง เรอ เป็นต้น
๓ เกิดอาการซูบผอม และอ่อนเพลียไม่มีแรง มักจะเกิดขึ้นเพราะมีอาการไม่หิวอาหารในระยะสั้น ซึ่งถือเป็นอาการอีกอย่างหนึ่งที่พบบ่อยของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มักจะไม่มีอาการปวดเจ็บกระเพาะ จึงไม่ได้รับความสนใจ
๔ ถ้าหากว่าเป็นผู้ที่ป่วยนาน อาจเกิดอาการเลือดออกจากทางเดินอาหารในชีวิตประจำวัน อาการที่พบบ่อยมักได้แก่ อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ (เป็นสีเลือดเก่าที่ตกค้าง)
อาการโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะหลัง
อาการมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะหลัง ถือเป็นอาการที่ขยายจากระยะแรก ดังนั้น พวกเราคงสามารถคาดการณ์มะเร็งในระยะหลังได้
๑ ซูบผอม และโลหิตจาง
๒ ผู้ป่วยโรคมะเร็งกาะเพาะอาหารใรระยะหลังมีอาการปวดท้องส่วนบนเป็นเวลานานอย่างเด่นชัด และหายไม่ง่าย
๓ อัตราการแพร่กระจายของโรคมะเร็งในระยะหลังค่อนข้างสูง โดยทั่วไปเนื้องอกสามารถลามไปที่ตับอ่อน ตับ และลำไส้ใหญ่ส่วนขวางที่อยู่ใกล้ บางครั้งจะลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองรอบกระเพาะหรือระยะไกล หรือสามารถสัมผัสกับต่อมน้ำเหลืองบวมและไม่เคลื่อนที่ตรงกระดูกไหปลาร้าด้านซ้าย นอกจากนี้ ยังสามารถลามผ่านทางเลือดไปที่ตับ ปอด สมอง กระดู และรังไข่เป็นต้น จึงมีอาการท้องมาน โรคดีซ่าน ตับบวม เลือดออกในกระเพาะ และอาการอุดตันเป็นต้น อาการของโรคมะเร็งกระเพาะในระยะหลัง ได้แก่ ปวดท้องส่วนบน รับประทานอาหารน้อยลง ซูบผอม อาเจียน และถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ (เป็นสีเลือดเก่าที่ตกค้าง) เป็นต้น
ข้อ ๔ อาการอื่นๆ
สำหรับเนื้องอกเกิดที่ส่วนของคาร์เดียนั้น มีอาการรับประทานอาหารไม่คล่องจอง อาหารไม่ลงตัว และอาหารไหลกลับมาจากกระเพาะ สำหรับกระเพาะแทงทะลุอย่างเฉียบพลัน จะมีอาการปวดทั้งตัว และเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ผู้ป่วยบางส่วนยังมีอาการท้องร่วง ท้องผูก ไม่สบายท้อง และเป็นไข้ ฯลฯ
อาการโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะหลังได้แสดงออกอย่างเด่นชัด ซึ่งทำให้ผู้ป่วยได้รับความทุกข์ทรมาน ฉะนั้น การค้นพบโรคมะเร็ง และไปรักษาที่โรงพยาบาลอย่างทางการให้ทันในระยะแรก จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพทางการรักษาได้
มะเร็งกระเพาะอาหาร นับเป็นโรคมะเร็งอีกชนิดหนึ่งที่พบได้ไม่บ่อยนัก และถือเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว เพราะหลายคนกว่าจะรู้ตัวว่า ตัวเองป่วยเป็น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งก็ลามถึงขั้นระยะสุดท้ายเสียแล้ว เช่นเดียวกับดาราสาวเกาหลี จาง จินยอง ที่เสียชีวิตเพราะโรค มะเร็งกระเพาะอาหาร นี้ด้วยวัยเพียงแค่ 35 ปี เท่านั้นเอง เห็นความน่ากลัวของ มะเร็งกระเพาะอาหาร กันแล้ว ก็ไปรู้จักโรค มะเร็งกระเพาะอาหาร กันเลยค่ะ
มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือ Cancer of stomach, Gastric cancer เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุภายในโพรงกระเพาะอาหาร ทั้งนี้มักพบผู้ป่วย มะเร็งกระเพาะอาหาร ในระยะสุดท้ายแล้ว เนื่องจากผู้ป่วยจะมาหาหมอเมื่อปรากฎอาการชัดเจน
สาเหตุของ มะเร็งกระเพาะอาหาร
สาเหตุของโรค มะเร็งกระเพาะอาหาร มาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- พันธุกรรม ผู้ที่มีพ่อแม่พี่น้องป่วยเป็น มะเร็งกระเพาะอาหาร จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มากกว่าผู้ที่ไม่มีพันธุกรรมของโรคนี้
- เกิดจากการติดเชื้อเฮริโคแบคเตอร์ไพโรไล (Helicobactor Pyroli) ในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องเป็นๆ หายๆ แบบโรคกระเพาะ
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคกระเพาะอักเสบเรื้อรังบางชนิด หรือเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร
- การสูบบุหรี่จัด ดื่มสุรามาก
- การรับประทานอาหารรสเค็มจัด หรือมีสารผสมบางอย่างในเนื้อสัตว์หมัก อาหารหมักดอง รมควัน หรืออาหารใส่ดินประสิว เช่น ไส้กรอก แหนม กุนเชียง
- รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีน้อย เช่น ผัก ผลไม้ สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็น มะเร็งกระเพาะอาหารได้เช่นกัน
กลุ่มเสี่ยงโรค มะเร็งกระเพาะอาหาร
- อายุ โดยปกติจะพบ มะเร็งกระเพาะอาหาร ในคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
- เพศ มักพบโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
- เชื้อชาติ มักพบชาวเอเชียเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มากกว่าชนชาติอื่นๆ
- ผู้ที่มีประวัติเคยผ่าตัดกระเพาะอาหาร มานานกว่า 20 ปี
ข้อคิดสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
สำหรับการรักษาที่น่าสนใจในขณะนี้ คือ การรักษาแบบทางร่วม คือ รักษาแผนปัจจุบันควบคู่กับสมุนไพร ผู้ป่วยที่รักษาจนดีขึ้นแล้วหรือในบางรายหายขาด ในความเป็นจริงเราจะถือว่าผู้ป่วยเหล่านี้อยู่ในระยะเฝ้าระวัง เนื่องจากผู้ป่วยสามารถกลับมาเป็นได้อีกอย่างไม่รู้จักจบสิ้น เพราะเซลส์มะเร็งเหล่านั้นยังคงอยู่ในร่างกายผู้ป่วยและรอวันที่จะกำเริบขึ้นมาอีกครั้งในวันที่เราอ่อนแอหรือภูมิต้านทานต่ำเพราะฉะนั้นการดูแลตัวเองในระยะเฝ้าระวังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการป้องกันโรคมะเร็งที่จะสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ
การดูแลสุขภาพตามหลัก 5 อ.
อาวาส : อยู่ในสถานที่ที่สิ่งแวดล้อมดี สถานที่อยู่อาศัยต้องสะอาด อากาศถ่ายเทได้สะดวก
อากาศ : สิ่งที่สำคัญมากเพราะมะเร็งไม่ชอบสภาวะที่มีออกซิเจนมาก มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีออกซิเจนเยอะ ผู้ป่วยควรได้รับอากาศบริสุทธ์ให้มากๆ
อาหาร : ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารที่ดี สะอาด และสารอาหารครบถ้วน ควรหลีกเลี่ยงอาหารดิบ อาหารหมักดอง อาหารไมโครเวฟ และอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติด้วยสารเคมี ควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีฤทธิเย็นให้มาก อาหารที่มีฤทธิ์ร้อนและเย็น
อาหารฤทธิ์ร้อน
กลุ่มคาร์โบไฮเดรต
- ข้าวเหนียว ข้าวแดง ข้าวดำ (ข้าวก่ำ ข้าวนิล) ข้าวอาร์ซี ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์
- เผือก มัน กลอย อาหารหวานจัด ขนมปัง ขนมกรุบกรอบ บะหมี่ซอง
กลุ่มโปรตีน
- เนื้อ นม ไข่
- ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วลิสง ถั่วทอดทุกชนิด
- เห็ดโคน (เห็ดปลวก) เห็ดหอม เห็ดหลินจือ เห็ดก่อ เห็ดไค เห็ดขม เห็ดผึ้ง
- โปรตีนจากพืชและสัตว์ที่หมักดอง เช่น เต้าเจี้ยว มิโสะ โยเกิร์ต ซีอิ้ว แทมเป้ กะปิ น้ำปลา ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาเค็ม
- เนื้อเค็ม แหนม ไข่เค็ม ซีอิ้ว เป็นต้น
กลุ่มไขมัน
ควรงดหรือลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
เพราะไขมันมีพลังงานความร้อนมากกว่าอาหารชนิดอื่นๆ เช่น
- น้ำมันพืช น้ำมันสัตว์
- กะทิ เนื้อมะพร้าว
- งา รำข้าว จมูกข้าว
- เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เมล็ดอัลมอลล์ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดกระบก
- ลูกก่อ เป็นต้น
กลุ่มผักฤทธิ์ร้อน ผักที่มีรสเผ็ดทุกชนิด เช่น
- กระชาย กระเพรา กุ้ยช่าย (ผักแป้น) กระเทียม
- ขิง ข่า (ข่าแก่จะร้อนมาก) ขมิ้น
- ผักชี ยี่หร่า โหระพา พริก พริกไทย (ร้อนมาก) แมงลัก
- ไพล ตะไคร้ ใบมะกรูด เครื่องเทศ
- ต้นหอม หอมหัวใหญ่ หอมแดง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีพืชบางชนิดที่ไม่มีรสเผ็ดแต่มีฤทธิ์ร้อน (มีพลังงานความร้อนหรือแคลอรี่ที่มาก) เช่น
- กะหล่ำปลี กระเฉด ใบยอดและเมล็ดกระถิน ผักกาดเขียวปลี
- ผักโขม ผักแขยง
- คะน้า แครอท
- ชะอม
- บีทรูท เม็ดบัว ไหลบัว รากบัว แปะตำปึง ใบปอ ใบยอ
- แพงพวยแดง
- ถั่วฝักยาว ถั่วพู สะตอ ลูกเนียง
- ลูกตำลึง ฟักทองแก่
- โสมจีน โสมเกาหลี (ร้อนเล็กน้อย)
- ไข่น้ำ (ผำ) สาหร่่ายทะเล สาหร่ายน้ำจืด(เทา) ยอดเสาวรส หน่อไม้
- พืชที่มีกลิ่นฉุนทุกชนิด เป็นต้น
กลุ่มผลไม้ฤทธิ์ร้อน
เป็นกลุ่มผลไม้ที่ให้น้ำตาล วิตามินหรือธาตุอาหารที่นำไปสู่ขบวนการเผาผลาญ
เป็นพลังงานความร้อน (แคลอรี่) ที่มาก เ่ช่น
- กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ กระเจี๊ยบแดง กระทกรก (เสาวรส)
- สำหรับกล้วยหอมทองและกล้วยหอมเขียวมีรสหวานจัดจึงมักออกฤทธิ์ตีกลับเป็นร้อน)
- ขนุนสุก
- เงาะ
- ฝรั่ง
- ทุเรียน ทับทิมแดง
- น้อยหน่า
- มะตูม มะเฟือง มะไฟ มะแงว มะปราง มะม่วงสุก มะขามสุก (ร้อนเล็กน้อย) มะละกอสุก (ร้อนเล็กน้อย)
- ระกำ (ร้อนเล็กน้อย)
- ลิ้นจี่ ลำไย ลองกอง ละมุด ลูกยอ ลูกลำดวน ลูกยางม่วง ลูกยางเีขียว ลูกยางเหลือง
- สละ ส้มเขียวหวาน สมอพิเภก
- องุ่น
- ผลไม้ทุกชนิดที่ผ่านความร้อน เช่น การอบ นึ่ง ปึ้ง ย่าง ต้ม หรือตากแห้ง เป็นต้น
อาหารที่มีฤทธิ์ร้อนมาก ถ้ากินมากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพมาก
- อาหารที่ปรุงเค็มจัด มันจัด หวานจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ฝาดจัดและขมจัด
- อาหาร กลุ่มไขมัน
- เนื้อ นม ไข่ที่มีไขมันมาก รวมถึงสารที่มีสารเร่งสารเคมีมาก
- พืชผักผลไม้ที่มีการสารเคมีมาก
- อาหารที่ปรุงผ่านความร้อนนาน ๆ ผ่านความร้อนหลายครั้ง ใช้ไฟแรง หรือใช้คลื่นความร้อนแรง ๆ
- อาหารใส่สารสังเคราะห์ ใส่สารเคมี
- อาหารใส่ผงชูรส
- สมุนไพร หรือยาที่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดหรือบำรุงเลือด
- วิตามิน แร่ธาตุ และอาหารเสริมที่สกัดเป็นน้ำ ผง หรือเม็ด
- ยกเว้นอาจกินได้เมื่อมีข้อบ่งชี้ชัดเจนว่าขาดสารดังกล่าว
- เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คาเฟอีน หรือน้ำตาลที่มากเกินไป เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์
- ชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น
- อาหาร ที่มีโซเดียมสูง ได้แก่ อาหารแปรรูปหรือสำเร็จรูปต่าง ๆ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมอบ
- ขนมกรุบกรอบ ขนมปัง อาหารกระป๋อง ไส้กรอก หมูยอ กุนเชียง น้ำหมัก ข้าวหมาก ปลาเค็ม เนื้อเค็ม
- ไข่เค็ม ของหมักดอง อาหารทะเล (จะมีทั้งไขมันและโซเดียมสูง) เป็นต้น
- น้ำร้อนจัด เย็นจัด และน้ำแข็ง
โดยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนว่าจะงดหรือลดอะไร แค่ไหนที่ทำให้เกิดสภาพโปร่งโล่งสบาย เบากายและกำลังเต็มที่สุด
************
อาหารฤทธิ์เย็น
กลุ่มคาร์โบไฮเดรต
- น้ำตาล ข้าวขาว เส้นขาว (เส้นหมี่. เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ไม่มีน้ำมัน) วุ้นเส้น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้องเหลือง
สำหรับ น้ำตาล ข้าวขาว เส้นขาว และวุ้นเส้นกินเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลาที่ร่างกายร้อนมากๆ
กลุ่มโปรตีน
- ถั่วขาว ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา ถั่วโชเล่ย์ขาว ลูกเดือย
- เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหูหนู เห็ดขอนขาว เห็ดลม(เห็ดบด) เห็ดตาโล่ เห็ดตีนตุ๊กแก
กลุ่มผักฤทธิ์เย็น
- กระหล่ำดอก ก้านตรง กวางตุ้ง ผักกาดฮ่องเต้ ผักกาดขาว ผักกาดหอม
- หยวกกล้วย ปลีกล้วย ก้านกล้วย กล้วยดิบ หัวไช้เท้า (ผักกาดหัว) ก้างปลา
- ข้าวโพด ขนุนดิบ ดอกสลิด (ดอกขจร) ฝัก/ยอด/ดอกแค
- ใบเตย ผักติ้ว ตังโอ๋ ใบ/ยอดตำลึง
- ถั่วงอก
- บัวบก สายบัว ผักบุ้ง บล๊อกเคอรี่ บวบ
- ปวยเล้ง ผักปลัง
- พญายอ (เสลดพังพอนตัวเมีย)
- ฟักทองอ่อน ยอดหรือดอกฟักทอง ยอดฟักข้าว ยอดฟักแม้ว ฟัก แฟง แตงต่างๆ
- มะละกอดิบ-ห่าม มะเขือเปราะ มะเขือลาย มะเขือยาว มะเขือเทศ มะเดื่อ มะอึก ใบมะยม ใบมะขาม
- มังกรหยก มะรุม ยอดมะม่วงหิมพานต์
- ย่านางเขียว-ขาว
- รางจืด
- ว่านกาบหอย ว่านหางจระเข้ ว่านมหากาฬ ทูน (ตูน) ว่านง็อก (ใบหูลิง) ผักว่าน
- โสมไทย ใบส้มป่อย ส้มเสี้ยว ส้มรม ส้มกบ
- หมอน้อย ผักหวานป่า ผักหวานบ้าน เหงือกปลาหมอ ผักโหบแหบ
- อ่อมแซบ (เบญจรงค์) ยอดอีสึก (ขุนศึก) อีหล่ำ
กลุ่มผลไม้ฤทธิ์เย็น
- กล้วยน้ำว้าห่าม กล้วยหักมุก แก้วมังกร กระท้อน
- แคนตาลูป
- ชมพู่ เชอรี่
- แตงโม แตงไทย
- ทับทิมขาว ลูกท้อ
- มังคุด มะยม มะขวิด มะดัน มะม่วงดิบ มะละกอดิบ-ห่าม มะขามดิบ
- น้ำมะนาว น้ำมะพร้าว
- ลางสาด
- สับปะรด สตรอเบอรี่ สาลี่ ส้มโอ ส้มเช้ง ส้มซ่า ส้มเกลี้ยง สมอไทย
- ลูกหยี หมากเม่า หมากผีผ่วย
- แอปเปิ้ล
อารมห์ : เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้ข้ออื่นๆ เนื่องจากอารมห์ที่ดีของผู้ป่วยจะช่วยให้การขับของเสียและระบบการทำงานของร่างกายทำงานได้อย่างปกติ ทั้งยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะก่อผลเสียให้กับเซลล์ในร่างกายของผู้ป่วย ฉะนั้นการอยู่ในอารมห์ที่ดีอย่างสม่ำเสมอของผู้ป่วย จะช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งได้เป็นอย่างดี
อาการ : ผู้ป่วยต้องหมั่นสังเกตอาการของตัวเองอยู่สม่ำเสมอ หากมีอาการผิดปกติ ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจเช็คและรักษาอย่างถูกต้องจะดีที่สุด เคยผู้ป่วยบางรายเคยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและหายจากโรคมะเร็งมาหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่งมีอาการไอต่อเนื่อง จึงไปซื้อยาแก้ไอมารับประทานเองได้ระยะหนึ่ง จนกระทั่งมีอาการไอเป็นเลือด ไปพบแพทย์เพื่อรักษา ผลคือเชื้อมะเร็งตัวเดิมได้ลามตามระบบน้ำเหลืองไปยังปอด และมีอาการน้ำท่วมปอดตามมาอย่างรวดเร็ว นี้คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการดูแลรักษาตัวเองและหมั่นสังเกตอาการตัวเองมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยไม่กลับมาเป็นมะเร็งอีกครั้งได้
ผลิตภัณฑ์ G-Herb คืออีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจที่สุดในการบำรุงร่างกาย บำรุงน้ำเหลือง และเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายและป้องกันการกลับมาของเจ้ามะเร็งร้าย ซึ่งมีผลพิสูจน์จากสถิติการรักษาผู้ป่วยอันยาวนานของคลินิกนายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ จ.สิงห์บุรีมาช้านานแล้ว
credit : http://www.asiancancer.com/thai/cancer-symptoms/stomach-cancer-symptoms/
: http://health.kapook.com/view3979.html
หน้าที่เข้าชม | 706,551 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 516,290 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 13 ก.ย. 2568 |
Add Line
G-Herb Shop พระราม3
ยินดีให้คำปรึกษา
ทุกปัญหา
หรือกดตามลิ้งค์ข้างล่างนี้
เพื่อสอบถามหรือปรึกษา